การฝึกเพื่อพัฒนาระบบพลังงาน (Energy System Development Training: ESD)
เป็นวิธีการฝึกที่มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของร่างกายแบ่งเป็นพลังงานแบบแอนแอโรบิค(Anaerobic Energy System) และการใช้พลังงานแบบแอโรบิค (Aerobic Energy System)
โดยทั่วไปในทางสรีรวิทยา ระบบพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว จะแบ่งได้ 3 ระบบใหญ่ ๆ ดังนี้ คือ
1). ระบบ Anaerobic Alactic System เป็นระบบพลังงานที่มีการดึง adenosine triphosphate (ATP) และ creatin phosphate (CP) ที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นระบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ATP-CP system เป็นระบบที่ร่างกายสามารถสำรองพลังงานได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการสังเคราะห์พลังงานและไม่ก่อให้เกิดกรดแลคติก จัดเป็นระบบพลังงานที่ต้องเริ่มต้นใช้เป็นลำดับแรกสำหรับทุกกิจกรรมการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายในทุกระดับความหนัก
2).ระบบ Anaerobic Lactic System เป็นระบบพลังงานที่ร่างกายจะนำมาใช้หลังจากที่ได้ใช้ระบบพลังงานแบบ anaerobic alactic system โดยถ้ากล้ามเนื้อจะต้องทำงานด้วยความพยายามอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยใช้เวลาไม่เกิน 1-2 นาที ระบบพลังงานแบบ anaerobic lactic system (LA) จะถูกนำมาใช้ จัดเป็นระบบพลังงานที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการสำรองพลังงาน ATP โดยพลังงานระบบนี้มีขีดความสามารถในการทำงานอยู่ในระดับสูง เป็นระบบพลังงานที่มีการทำงานหนักรวดเร็วและยาวนาน พลังงานหลักจะมาจากกระบวนการ glycolysis ขณะเดียวกันผลจากการทำงานในระบบนี้จะก่อให้เกิดของเสีย (waste products) ขึ้น เนื่องจากออกซิเจนไม่สามารถนำไปใช้ได้ทัน จึงจัดเป็นระบบการทำงานที่ไม่ใช้ออกซิเจน โดยจะมีกรดแลค ติกที่สะสมอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อและเลือดซึ่งจะเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อลดลง หรือมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเกิดขึ้น
3). ระบบ Aerobic system ในการออกกำลังกายที่ต้องใช้เวลามากกว่า 2 นาทีขึ้นไป พลังงานหลักที่ถูกนำมาใช้ในการเคลื่อนไหวจะได้มาจากคาร์โบไฮเดรตและไขมันซึ่งทำปฏิกิริยาสันดาป (oxydation) กับออกซิเจน เพื่อแปรสภาพเปลี่ยนเป็นพลังงานในการเคลื่อนไหวที่ต้องการ การเคลื่อนไหวที่ต้องใช้พลังงานระบบ aerobic system นั้นจะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพของระบบไหลเวียนเลือด ระบบหายใจและความสามารถของเซลล์กล้ามเนื้อเองที่จะสามารถนำออกซิเจนไปสร้างพลังงานได้
สิ่งที่จะเป็นข้อบ่งชี้ว่าในขณะแข่งขันกีฬาจะใช้พลังงานแบบ aerobic หรือ anaerobic system นั้น ได้แก่ระดับความหนักและระยะเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม ซึ่งในกีฬามวยไทย เป็นกีฬาที่ใช้พลังงานผสมผสานแตกต่างกันไป
ในการแข่งขันมวยไทย มีการใช้ทักษะที่เฉพาะ (sport specific skill) มีลักษณะกิจกรรมแบบความหนักระดับสูงที่ไม่คงที่ (intermittent high-intensity movement) โดยตลอดระยะเวลา 3 นาทีของแต่ละยกนั้น นักมวยไทยจะมีการออกอาวุธโดยใช้หมัด เท้า เข่า และศอก เพื่อทำคะแนน ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง และมีจังหวะที่ทำซ้ำ ๆ และต่อเนื่อง สลับกับการคอยจังหวะดูชั้นเชิงในการออกอาวุธ โดยมีเวลาพักฟื้นตัวในระยะสั้น ๆ หลังออกอาวุธที่ความหนักระดับสูง ดังนั้นในระหว่างการแข่งขันนั้นนักมวยไทยจะมีการใช้พลังงานทั้งระบบแอโรบิคและระบบแอนแอโรบิคในระดับสูงผสมผสานสลับกันไป
จากผลการวิจัยด้านความต้องการทางสรีรวิทยาของกีฬามวยไทย พบว่า ระดับความหนักตลอดการแข่งขันของนักมวยไทยจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ย 178.9±0.3 ครั้ง/นาที และระดับความเข้มข้นของแลคติกเฉลี่ย 9.72±0.6 มิลลิโมล/ลิตร (Cappai et al., 2012) มีการใช้พลังงาน 10.75 ± 1.58 กิโลแคลอรี่ต่อนาที หรือใช้พลังงานตลอดการแข่งขันประมาณ 9.39 MET หรือประมาณ 9 เท่าของการใช้พลังงานขณะพัก และมีระดับความหนักตลอดการแข่งขันจากการวัดตัวแปรอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการใช้ออกซิเจนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับ Anaerobic threshold (Crisafulli et.al., 2009)
จากความต้องการทางสรีรวิทยาของกีฬามวยไทยข้างต้น จะเห็นได้ว่าการฝึกซ้อมด้านการพัฒนาระบบพลังงาน (Energy System Development Training: ESD) จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากในขณะแข่งขันนักมวยไทยจะต้องใช้ทักษะการออกอาวุธต่าง ๆ โดยใช้พลังงานและระดับความหนักในระดับที่สูง
ข้อแนะนำในการฝึกเพื่อพัฒนาระบบพลังงานแบบแอโรบิค

ข้อแนะนำในการฝึกเพื่อพัฒนาระบบพลังงานแบบแอนแอโรบิค


